ผถห. WP เคาะจ่ายปันผลปี 67 ในอัตรา 0.30 บ./หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 21 พ.ค.นี้ - ปักหมุดปี 68 ผลงานเติบโตต่อเนื่อง ลุยขยายจุดกระจายสินค้า-เน้นลดต้นทุน หนุนอนาคตมั่นคง

ผู้ถือหุ้น บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลปี67 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บ./หุ้น เตรียมรับทรัพย์วันที่ 21 พ.ค. 68 นี้ ฟากบิ๊กบอส “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง”แย้มแนวโน้มรายได้-ยอดขาย LPG ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายจุดกระจายสินค้าและบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง

นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) ผู้นำธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 22 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น จำนวน 510,504,800 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 153,151,440 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568

โดยผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 140.88 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 19,021.96 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายก๊าซ LPG รวมกว่า 836,228 ตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ จำนวน 783,812 ตัน และยอดขายต่างประเทศ จำนวน 52,416 ตัน

“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งบริษัทฯยังคงมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งในปี 2568 ภาพรวมการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นปียังมีแนวโน้มที่ดีจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีของบริษัท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวชมกมล กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไม่ต่ำกว่าปีก่อน จากความต้องการใช้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงมีการปรับแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดและด้านบริการ เพื่อการเพิ่มช่องทางการขายสินค้า และสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึงการให้บริการได้อย่างสะดวก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้น

อีกทั้ง ยังอยู่ระหว่างศึกษาและมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น รองรับแผนขยายจุดกระจายสินค้า จำนวน 5 แห่ง มูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 175 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และลงทุนในธุรกิจ Green Energy จำนวน 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมี 11 เมกะวัตต์ และลงทุนส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจำนวน 70 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environment, Social, Governance : ESG) โดยวางแผนในการนำบริษัทเข้าเป็นส่วนหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ในอนาคต และมีแผนเตรียมพร้อมในการเข้าร่วมประเมิน FTSE Russell ESG Scores ปี 2569 รวมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี มีความปลอดภัย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น