• ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2566 ลงจาก 3.2% เป็น 2.8% และปี 2567 จาก 3.6% เป็น 3.2% ตามลำดับ หลังแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ต่างประเทศมีความเปราะบางขึ้น โดยเฉพาะโมเมนตัมส่งออกที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอ่อนแอ เช่นเดียวกับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่แผ่วลงกว่าคาด *** ด้าน SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 เหลือ 3.1% (เดิม 3.9%) จากข้อมูลจริงไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าคาดมากและการส่งออกสินค้าที่หดตัวแรงต่อเนื่อง แต่ยังมีแรงหนุนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยฟื้นตัวดีตามประมาณการ 30 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่เร่งตัวและเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายใหม่ ส่งผลให้ภาคบริการฟื้นตัวต่อเนื่องช่วยลดความเปราะบางในตลาดแรงงาน สำหรับมุมมองปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเร่งขึ้นที่ 3.5% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องเป็น 37.7 ล้านคน
Home คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC วันที่ 19-20 ก.ย.
คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC วันที่ 19-20 ก.ย.

คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC วันที่ 19-20 ก.ย.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC วันที่ 19-20 .. 2566

 

เฟดมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 .. 2566 เพื่อรอดูทิศทางเงินเฟ้อและตลาดแรงงานในระยะข้างหน้า ท่ามกลางเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอลงแม้จะยังอยู่ในระดับสูงและตลาดแรงงานที่แม้จะค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงและกลับสู่จุดสมดุลมากขึ้น ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า (Fed Dot Plot) ซึ่งคงเป็นประเด็นหลักที่ต้องติดตาม

 

 

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเฟดอาจยังคงเปิดโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้ แม้ความน่าจะเป็นจะค่อนข้างต่ำ ภายใต้เงื่อนไขหากเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าปรับลดลงช้าและยังอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งหากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงไม่ชะลอตัวลงอย่างที่คาดอย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงให้น้ำหนักมากสุดต่อกรณีเฟดสิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในรอบวัฏจักรนี้และคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% ไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่อ่อนแรงลง ขณะที่ เมื่อมองไปข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแม้ว่าตลาดจะมองความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นลดลง หรือความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีทิศทางสู่ Soft landing นั้นจะมีมากขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้าโดยอาจโตต่ำกว่า 1.0% ส่งผลให้เฟดอาจต้องเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า

 

อย่างไรก็ดี ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ ซึ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มที่จะยังเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า โดยหากเฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าคาดหรือคงดอกเบี้ยนโยบายยาวนานกว่าคาด ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้

 

อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่  https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/FOMC-EBR4016-FB-2023-09-18.aspx