• SCB EIC เผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ส.ค. 2024 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ 7% ทำให้ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยที่ 2.6% และ 2.8% ในปี 2024 และ 2025 ยังถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2010-2019 ที่ 5.3% --- ปัจจัยการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไปจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ในภาพรวม แม้จะชะลอตัวลงบ้างในหลายประเทศ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และแรงกดดันด้านค่าระวางเรือที่เริ่มลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 อาจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 2.6% แต่ต้องจับตาผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย การแข็งค่าของเงินบาท และการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย
Home 'CIOSH Thailand 2024' โชว์เทคโนโลยี อุปกรณ์ความปลอดภัย พีพีอี
'CIOSH Thailand 2024' โชว์เทคโนโลยี อุปกรณ์ความปลอดภัย พีพีอี

'CIOSH Thailand 2024' โชว์เทคโนโลยี อุปกรณ์ความปลอดภัย พีพีอี

งาน “CIOSH Thailand 2024” มหกรรมโชว์เทคโนโลยีความปลอดภัยบนพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. พบสาธิตการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายตกจากที่สูง อัปเดตเทรนด์อุปกรณ์ป้องกันอันตราย ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนา

กรุงเทพฯ 5 มิถุนายน 2567 ­- เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เปิดตัวยิ่งใหญ่ “CIOSH Thailand 2024” มหกรรมงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีนานาชาติ สำหรับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ที่จัดขึ้นครั้งแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผนึก 300 บริษัทชั้นนำทั่วโลก โชว์ความก้าวหน้าเทคโนโลยีความปลอดภัยบนพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. หวังเชื่อมโยงการลงทุนทั่วโลกสู่ไทยและสร้างแต้มต่อภาคธุรกิจ PPE ภายในงานพบสาธิตการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายตกจากที่สูง อัปเดตเทรนด์อุปกรณ์ป้องกันอันตราย ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ชุดทำงาน ผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ และไฮไลท์คลินิกให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยแบบครบวงจรฟรี! ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางนา

มร.วุลแฟรม เดียร์เนอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ จีเอ็มบีเอช เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เซี่ยงไฮ้ ได้ผนึกความร่วมมือกับ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศจีน เดินหน้าจัด ‘CIOSH Shanghai’ งานแสดงสินค้า ด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรมและเทคโนโลยี PPE ร่วมกับคู่ค้าพันธมิตรในประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก

“จากความสำเร็จดังกล่าวนำไปสู่การขยายพื้นที่จัดงานในต่างประเทศ โดยประเดิมจัดที่ “ไทย” เป็นแห่งแรก! ด้วยศักยภาพการเป็นผู้นำตลาด PPE ที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การดูแลของ Messe Düsseldorf Asia เนรมิต งาน “CIOSH Thailand 2024” อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการดึงมือบริษัทชั้นนำกว่า 300 บริษัท ทั้งจากจีน สิงคโปร์ เยอรมนี และไทย ร่วมจัดแสดง “อุปกรณ์ PPE ที่ทันสมัยที่สุด” บนพื้นที่ 10,000 ตร.ม. เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานด้วยอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานและบริบทแวดล้อม โดยไฮไลท์กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน CIOSH Thailand 2024 มีดังนี้

เรียนรู้ทริค ป้องกันการตกจากที่สูง กับ “การสาธิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุด” โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยที่เหนือกว่า ด้วยเทคโนโลยีสายรัดนิรภัย เชือกกันตก จุดยึด ฯลฯ รวมทั้งข้อควรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน

อินไซต์เทรนด์ อุปกรณ์ป้องกันอันตราย กับ เวทีสัมมนาเฉพาะทางโดยสมาคมอุตสาหกรรมชั้นนำ โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน เทคโนโลยีป้องกันอันตรายสุดล้ำ ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า ชุดทำงาน ผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ฯลฯ

ขอคำปรึกษา ด้านความปลอดภัยฟรี! กับ “คลินิกให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัย” (Safety Consultation Clinic) ที่พร้อมให้คำแนะนำ-ช่วยเลือกผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยที่เหมาะกับธุรกิจและบริบทการทำงาน โดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ รวมถึงผู้จัดแสดงสินค้าระดับโลก

“อย่างไรก็ดี “CIOSH Thailand 2024” งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีนานาชาติสำหรับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) จะเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมความปลอดภัยและสุขอนามัยระดับโลก ถือเป็นโปรไฟล์ธุรกิจครั้งสำคัญที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการสร้างเวทีการค้าและเชื่อมโยงทรัพยากรอุตสาหกรรมระดับโลกสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ทั้งยังสร้างการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมในการคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรม (PPE) แนวใหม่” มร.วุลแฟรม กล่าวทิ้งท้าย

 


มร.แลร์รี เล่ย ประธานสมาคมการค้าสิ่งทอแห่งประเทศจีน กล่าวว่า “กว่า 58 ปีที่ผ่านมา CIOSH - China International Occupational Safety & Health Goods Expo ได้ทุ่มเทและประสบความสำเร็จในการจัดงานรวม 106 ครั้ง กลายเป็นแพลตฟอร์มการค้าและการสื่อสารที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยระดับโลก โดยแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของประเทศผู้ผลิตที่สำคัญ นอกจากนี้ จากการยึดถือแนวคิดด้านการพัฒนาที่มุ่งเน้น “การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในประเทศจีน พร้อมการผสานมุมมองระดับโลก” และจากประสบการณ์ความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้ CIOSH ได้ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยการริเริ่มการจัดงานในต่างประเทศ โดยมีประเทศไทยเป็นจุดหมายแรก ภายใต้ชื่อ CIOSH Thailand

โดยตลาดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลในประเทศไทยมีศักยภาพสูง ซึ่งในพ.ศ. 2566 มีมูลค่าสูงถึง 4.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 8.12 พันล้านเหรียญสหรัฐภายใน 6 ปี ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญของโครงการสายแถบและเส้นทาง และโครงการเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ประเทศไทยเสนอโอกาสมากมายให้แก่เราในการแสวงหาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และทางสมาคมฯ หวังอย่างยิ่งว่าการจัดงาน CIOSH Thailand 2024 ครั้งนี้ จะสร้างแพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับการจัดซื้อ PPE ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดการเจรจาการค้าหรือการจับคู่ธุรกิจที่เปิดกว้างและหลากหลาย ตลอดจนเชื่อมโยงนวัตกรรมด้านความปลอดภัยระดับแนวหน้าของโลกเข้ากับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และสร้างเครือข่ายกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อรองรับการขยายตัวในภูมิภาคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาต่อไป”

ด้าน นายอนุชิต สวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวเสริมว่า “กนอ. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ CIOSH Thailand 2024 มหกรรมงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีนานาชาติสำหรับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในไทย

 


และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยศักยภาพของตลาด PPE และความครบครันของทรัพยากรในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่เอื้อให้ไทยเป็น ‘ศูนย์กลางอุตสาหกรรม PPE’ เพื่อนำเสนออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่มีคุณภาพและโซลูชันความปลอดภัยสำหรับคนงานในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กนอ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีบทบาทหน้าที่เป็นผู้เร่งรัดการลงทุน ‘Investment Enhancer’ มุ่งเดินหน้าส่งเสริมการค้าการลงทุน เชื่อมโยงผู้ประกอบการทั่วโลกในการจับคู่ธุรกิจ ขยายเครือข่ายทางการค้าทั่วโลกสู่ประเทศไทย ตลอดจนจัดสรรพื้นที่เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ให้เอื้อต่อการลงทุนสู่การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจระดับมหภาคและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมในอนาคตต่อไป”