• SCB EIC เผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ส.ค. 2024 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ 7% ทำให้ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยที่ 2.6% และ 2.8% ในปี 2024 และ 2025 ยังถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2010-2019 ที่ 5.3% --- ปัจจัยการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไปจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ในภาพรวม แม้จะชะลอตัวลงบ้างในหลายประเทศ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และแรงกดดันด้านค่าระวางเรือที่เริ่มลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 อาจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 2.6% แต่ต้องจับตาผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย การแข็งค่าของเงินบาท และการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย
Home บลจ.กสิกรไทย เปิด 5 กองทุนกลุ่ม Wealth PLUS เพิ่มทางเลือกเสริมพอร์ต
บลจ.กสิกรไทย เปิด 5 กองทุนกลุ่ม Wealth PLUS เพิ่มทางเลือกเสริมพอร์ต

บลจ.กสิกรไทย เปิด 5 กองทุนกลุ่ม Wealth PLUS เพิ่มทางเลือกเสริมพอร์ต

บลจ.กสิกรไทย เปิด 5 กองทุนกลุ่ม Wealth PLUS เพิ่มทางเลือกเสริมพอร์ตให้รอดทุกความผันผวน

 

บลจ.กสิกรไทย เผยภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีแนวโน้มชะลอลง ในขณะที่ Fed มีโอกาสคงดอกเบี้ยในระดับสูงได้นาน ทำให้ตลาดทุนอาจยังคงมีความผันผวนจากการปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยในอนาคต จึงเสนอทางเลือกการลงทุนที่รับมือได้ทุกความผันผวนผ่านกองทุนกลุ่ม Wealth PLUS จำนวน 5 กองทุน ได้แก่ WP-LIGHT, WP-BALANCED, WP-SPARK, WP-SPEEDUP และ WP-ULTIMATE โดยมีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก (Asset Allocation) ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ผ่านกองทุนรวมกสิกรไทยตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป เริ่มเปิดเสนอขาย 18 ..นี้

 

นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการบริโภค การบริการ และการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับเงินเฟ้อทยอยลดลงและเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสปรับขึ้นในอนาคต จึงยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นโลก อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อที่ทยอยปรับลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ Fed มีโอกาสคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงไว้นาน และจะพิจารณาพัฒนาการเงินเฟ้อในระยะถัดไป (Data Dependent) โดยช่วงที่นักลงทุนมีการปรับคาดการณ์ด้านอัตราดอกเบี้ย อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดตราสารหนี้และหุ้นได้

 

บลจ.กสิกรไทย จึงเสนอทางเลือกการลงทุนเพื่อให้พร้อมรับมือกับความผันผวนในทุกสภาวะตลาด ผ่านกองทุนน้องใหม่ภายใต้ชื่อ กองทุน Wealth PLUS ซึ่งเป็นกลุ่มกองทุนผสมที่มีการจัดพอร์ตการลงทุนแบบสำเร็จรูปในสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เลือกตามผลตอบแทนที่คาดหวังตั้งแต่ 2% ต่อปี ไปจนถึง 8% ต่อปี ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมีให้เลือก 5 กองทุน ได้แก่ WP-LIGHT, WP-BALANCED, WP-SPARK, WP-SPEEDUP และ WP-ULTIMATE ซึ่งทั้งหมดมีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภททั่วโลก (Asset Allocation) ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก ผ่านกองทุนรวมกสิกรไทยตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีกำหนดเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 66 เป็นต้นไป

 

 

“สำหรับจุดเด่นของกองทุน Wealth PLUS นอกเหนือจากนโยบายการลงทุนที่เน้น การลงทุนแบบ Asset Allocation เพื่อให้สินทรัพย์แต่ละประเภททำหน้าที่สร้างผลตอบแทนในสภาวะตลาดที่แตกต่างกันแล้ว กองทุน Wealth PLUS ยังมี การปรับสัดส่วนการลงทุนในทุกๆ 3 เดือน อีกทั้งยังมี โมเดลควบคุมความเสี่ยง “Wealth PLUS Model” เพื่อป้องกันไม่ให้ผลตอบแทนติดลบหนักในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และรอจังหวะปรับสัดส่วนการลงทุนให้กลับมาอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมอีกครั้งในไตรมาสถัดไป

 

ทั้งนี้ นอกจากกองทุน Wealth PLUS ที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้เป็นรายกองแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถเลือกใช้บริการ Wealth PLUS ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถกำหนดเป้าหมายการลงทุนได้ทั้งแบบปกติ และแบบ DCA ภายใต้ระบบการคัดเลือกกองทุนและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละราย โดยระบบจะช่วยเตือนให้ผู้ลงทุนทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ อย่างไรก็ดี บริการ Wealth PLUS จะมีอยู่ในเฉพาะช่องทาง K PLUS เท่านั้น” นายสุรเดชกล่าว

 

นายสุรเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย จัดโปรโมชั่นพิเศษในโครงการออมเบอร์ 5 ให้กับเฉพาะลูกค้าใหม่ที่สนใจอยากเริ่มต้นลงทุนในกองทุน Wealth PLUS เพียง 1) เปิดบัญชีกองทุนกสิกรไทยครั้งแรกพร้อมเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ภายใน 30 พ.ย. 66 และ 2) เริ่มลงทุนแบบ DCA ภายใน 29 ธ.ค. 66 โดยลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 12 เดือน โดยผู้ที่เข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ จะได้รับ Fund Back เป็นหน่วยลงทุน K-CASH มูลค่า 500 บาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด นอกจากนี้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ลงทุนในกองทุน Wealth PLUS ระหว่างวันที่ 18 ก.ย. 66 – 31 ต.ค. 66 ยังได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกช่องทางของกสิกรไทย และ/หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือ ศึกษาข้อมูลเองที่เว็บไซต์ www.kasikornasset.com