• Krungthai COMPASS ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่สิ้นสุด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มลดลง แต่ กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 2.0% ในปี 2566 และ 2567 *** มองว่า กนง. จะให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมากขึ้นเนื่องจากสะท้อนสัดส่วนราคาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายถึง 67.1% ของตะกร้าเงินเฟ้อ นอกจากนี้ กนง. กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านสูงจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปทาน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะข้างหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านสูงเช่นกัน จึงเป็นไปได้ว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างเรียบร้อย *** กนง. มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% ต่อปี ในช่วงปลายปี 2566
Home บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้รับจัดอันดับ Mercer FundWatch Rating ระดับ 4 ดาว
บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้รับจัดอันดับ Mercer FundWatch Rating ระดับ 4 ดาว

บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้รับจัดอันดับ Mercer FundWatch Rating ระดับ 4 ดาว

จากกองทุน AIA Thai Equity และ ESG Rating ระดับ ESG3 สะท้อนการบริหารจัดการลงทุนเชิงรุก และการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม

บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) (“บริษัท”) เข้าร่วมโครงการประเมินความสามารถของกองทุนตราสารทุนไทยในปี 2565 โดยบริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (“Mercer”) ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดทำโครงการประเมินกองทุนไทยจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (“CMDF”) ในการนี้ กองทุน AIA Thai Equity ของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้รับการจัดอันดับ Mercer FundWatch Rating ที่ระดับ 4 ดาว และ ESG Rating ที่ระดับ ESG3 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกองทุน AIA Thai Equity ของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้รับการประเมินว่ามีโอกาส “สูงกว่าค่าเฉลี่ย” ของการที่ผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมของกองทุนจะมากกว่าดัชนีชี้วัด* ถือเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของการบริหารจัดการลงทุนเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่มีความรัดกุม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ

 


นางจินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมเสวนาในงานสัมมนา “Future of Investing: Themes and Opportunities” ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน ร่วมกับสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยกล่าวว่า “บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) พร้อมกับทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์เฉลี่ยในการลงทุนมานานกว่า 18 ปี มีเป้าหมายหลัก คือการบริหารกองทุนรวมเพื่อตอบโจทย์ เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สำคัญในการวางแผนทางการเงินในวันนี้และอนาคต”

กระบวนการลงทุนของเอไอเอ เน้นให้ความสำคัญกับเป้าหมายการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวจากการคัดเลือกหุ้นคุณภาพ มีอัตราการเติบโตที่ดี ในขณะเดียวกัน ยังหาโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มในระยะสั้นจากความผันผวนของตลาดในการปรับพอร์ตการลงทุนจากการที่ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง หน้าที่ของผู้จัดการกองทุนคือการพยายามปรับสมดุลเป้าหมายและมุมมองการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าในการลงทุน” นางจินตนา กล่าวสรุป

 


ทั้งนี้ เอไอเอและกลุ่มการลงทุนของเอไอเอให้ความสำคัญกับกระบวนการการลงทุน และการติดตามวิธีการลงทุนของทีมการลงทุนเป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งการมีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Mercer’s Fund Rating ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ทำให้ได้ทบทวนกระบวนการลงทุนอีกครั้งผ่านหลักเกณฑ์และกระบวนการของ Mercer ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญภายนอก โดยเอไอเอเป็นองค์กรที่พร้อมปรับตัวและพัฒนาศักยภาพอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง