• Krungthai COMPASS ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่สิ้นสุด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มลดลง แต่ กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 2.0% ในปี 2566 และ 2567 *** มองว่า กนง. จะให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมากขึ้นเนื่องจากสะท้อนสัดส่วนราคาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายถึง 67.1% ของตะกร้าเงินเฟ้อ นอกจากนี้ กนง. กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านสูงจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปทาน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะข้างหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านสูงเช่นกัน จึงเป็นไปได้ว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างเรียบร้อย *** กนง. มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% ต่อปี ในช่วงปลายปี 2566
Home “คันทรี่ กรุ๊ป” เดินหน้าพลิกโฉมที่ดิน 23 ไร่ สู่มิกซ์ยูสใหม่ 14,200 ล.
“คันทรี่ กรุ๊ป” เดินหน้าพลิกโฉมที่ดิน 23 ไร่ สู่มิกซ์ยูสใหม่ 14,200 ล.

“คันทรี่ กรุ๊ป” เดินหน้าพลิกโฉมที่ดิน 23 ไร่ สู่มิกซ์ยูสใหม่ 14,200 ล.

“คันทรี่ กรุ๊ป” เดินหน้าพลิกโฉมที่ดิน 23 ไร่ สู่มิกซ์ยูสใหม่ 14,200 ล.ใจกลางพระราม 3 ปั้นโปรเจกต์โรงเรียนนานาชาติ-คอนโดหรู พร้อมดึงพันธมิตรระดับเวิลด์คลาส 
 
“คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์” หรือ CGD ต่อยอดความสำเร็จมิกซ์ยูสริมน้ำ “เจ้าพระยา เอสเตท” เดินหน้าก่อสร้างมิกซ์ยูสใหม่บนที่ดิน 23 ไร่ใจกลางพระราม 3 ผสานโรงเรียนนานาชาติ-คอนโดหรู มูลค่ารวม 14,200 ล้าน ลุยนำร่องก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม พร้อมหลักสูตรระดับเวิลด์คลาส คาดเปิดสอนปีการศึกษาแรกในปี 2568 หนุนสร้างรายได้และเสริมแกร่งให้บริษัทในระยะยาว  
 


นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การพัฒนาโครงการเจ้าพระยา เอสเตท (Chao Phraya Estate) โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ระดับเมกะโปรเจกต์ริมแม่น้ำ มูลค่าโครงการรวมกว่า 32,000 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Private Residences Bangkok) โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) และโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok) ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัทจึงได้ต่อยอดความสำเร็จสู่การเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่แห่งใหม่ บนถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ในย่านพระราม 3 ประกอบด้วยโรงเรียนนานาชาติ และโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 14,200 ล้านบาท โดยตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในส่วนของโรงเรียนนานาชาติแล้ว 
 


“ที่ผ่านมา เราภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกหลากหลายแบรนด์ มาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมย่านเจริญกรุงผ่านโครงการเจ้าพระยา เอสเตท จนกลายเป็นหนึ่งในไอคอนของย่านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการพักผ่อนแบบเหนือระดับ วันนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกันอีกครั้งบนย่านพระราม 3 เริ่มต้นด้วยโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม” นายเบน กล่าว 
 
ล่าสุด บริษัทได้วางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มการก่อสร้าง โรงเรียนนานาชาติพระราม 3 (Rama III International School) ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม ภายในมิกซ์ยูสดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นองค์ประธานในการประกอบพิธี 
 
โรงเรียนดังกล่าว จะประกอบด้วยอาคารจำนวน 6 อาคาร ออกแบบให้ทันสมัย รองรับนักเรียนได้ราว 1,700 คน เปิดสอนตั้งแต่ อายุ 2-18 ปี หรือเตรียมอนุบาล ถึง เกรด 12 (ชั้นเตรียมอนุบาล – มัธยมศึกษาตอนปลาย) ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนที่โดดเด่นระดับเวิลด์คลาส ผสานกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตร (Co-curricular program) เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรับเข้าศึกษาต่อของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนแมนดาริน ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแบรนด์โรงเรียนและผู้ดำเนินธุรกิจโรงเรียน (School Operator) รอบสุดท้าย คาดว่าจะมีการประกาศให้ทราบได้เร็วๆ นี้ 
 
นายเบน กล่าวอีกว่า พระราม 3 นับเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อการเดินทางสู่พื้นที่สำคัญได้ง่ายและหลากหลาย ทั้งย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างสีลม-สาทร อโศก-สุขุมวิท ตลอดจนอยู่ใกล้ทางด่วนและสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมต่อไปได้ถึงจังหวัดสมุทรปราการ ขณะเดียวกัน ยังเป็นทำเลใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา มีชุมชนและโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับความเชี่ยวชาญของบริษัทในการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ในไทย เชื่อว่าจะช่วยพลิกโฉมย่านพระราม 3 และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี 
 
“บริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างมากกับการเดินหน้าพัฒนาโครงการด้านการศึกษา โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 นี้ถือเป็นการพัฒนาโครงการด้านการศึกษาแห่งที่สองของเรา โดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมกับ Nord Anglia Education หนึ่งในองค์กรชั้นนำด้านโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียมของโลก เพื่อเปิดดำเนินการ Oxford International College Brighton ซึ่งถือเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Sixth Form School) ชั้นนำของสหราชอาณาจักร บนพื้นที่ 20.2 เอเคอร์ ในบริเวณ Ovingdean Hall ของบริษัทที่ Greenway Brighton สหราชอาณาจักร โดยมีกำหนดการเปิดเรียนประมาณเดือน ก.ย.นี้ ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสและพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 ถือเป็นการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกของเราในไทย และเป็นแฟล็กชิพการลงทุนด้านการศึกษาของคันทรี่ กรุ๊ป” นายเบน กล่าว 
 
ปัจจุบัน โรงเรียนนานาชาติ ถือเป็นที่ต้องการของหลากหลายตลาดในไทย ได้แก่ 1.ตลาดกลุ่มผู้ปกครองชาวไทย ที่ต้องการให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในหลักสูตรที่มีคุณภาพ มีสังคมสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อพัฒนาการของเด็ก 2.กลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) โดยเฉพาะชาวจีนที่ปัจจุบันพาครอบครัวเข้ามาอาศัยในไทย 3.กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา  ลาว เมียนมา และ เวียดนาม (CLMV) ที่นิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาในประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของการศึกษา สภาพแวดล้อมที่ดี และค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า ขณะที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย มีการเติบโตเฉลี่ยถึงราว 10% ต่อปี บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 จะช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง ส.ค.2568 
 
ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้มิกซ์ยูสดังกล่าวนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการพัฒนา คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของโครงการ และเริ่มเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 นี้ 
 
สำหรับบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งมั่นมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ และโอกาสเข้าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวกลับสู่บริษัท