• SCB EIC เผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ส.ค. 2024 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ 7% ทำให้ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยที่ 2.6% และ 2.8% ในปี 2024 และ 2025 ยังถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2010-2019 ที่ 5.3% --- ปัจจัยการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไปจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ในภาพรวม แม้จะชะลอตัวลงบ้างในหลายประเทศ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และแรงกดดันด้านค่าระวางเรือที่เริ่มลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 อาจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 2.6% แต่ต้องจับตาผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย การแข็งค่าของเงินบาท และการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย
Home APCO เร่งปั๊มยอดขายย้อนวัย มะเร็ง HIV/AIDS ย้ำเป้ารายได้โต 30%
APCO เร่งปั๊มยอดขายย้อนวัย มะเร็ง HIV/AIDS ย้ำเป้ารายได้โต 30%

APCO เร่งปั๊มยอดขายย้อนวัย มะเร็ง HIV/AIDS ย้ำเป้ารายได้โต 30%

APCO เร่งปั๊มยอดขายย้อนวัย มะเร็ง HIV/AIDS ย้ำเป้ารายได้โต 30% รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 80%

APCO เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/66 ยอดขายโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รุกขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ นวัตกรรมวัฒนชีวายอดสมาชิกแตะ 12,000 ราย อัพเกรดสูตรบำบัดมะเร็ง จับมือพันธมิตรส่งออก Bye Bye HIV/AIDS สู่ประเทศจีน ตอกย้ำเป้าหมายรายได้โต 30% รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 80% ด้านงบครึ่งปีแรก 2566 รายได้รวม 151.76 ล้านบาท กำไร 58.42 ล้านบาท โต 80.71%

ศ. ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงาม ด้วยการ วิจัย พัฒนา ผลิตและ จัดจำหน่ายครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/66 แนวโน้มดี ยอดขายโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ชูนวัตกรรมย้อนวัย ชะลอวัย, บำบัดมะเร็ง, Bye Bye HIV/AIDS ขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมวัฒนชีวา บริษัทวางแผนใช้ความเป็นเลิศที่สามารถย้อนวัย ชะลอวัย     โดยไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งและการติดเชื้อ ซึ่งมีข้อมูลยืนยันว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน CD4 และ Killer T Cell CD8 แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ย้อนวัย ชะลอวัยอื่นๆ ที่อาจจะมีความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งด้วยการไปเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ของเซลล์มะเร็ง

จากความสำเร็จดังกล่าว APCO เตรียมส่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมย้อนวัย ชะลอวัย ให้กับ บริษัท Youthlocked จำกัด ประเทศสิงค์โปร์ ในวันที่ 15 กันยายนนี้ และ  ศ. ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา จะเดินทางไปบรรยายประสิทธิภาพของนวัตกรรม ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ วันที่ 17 ตุลาคม 2566 โดย บริษัท Youthlocked คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อครั้งต่อไปภายในปีนี้ และวางแผนสั่งซื้อไปจำหน่ายที่ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ต่อไป

ด้านนวัตกรรมวัฒนชีวาในประเทศไทย ขณะนี้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นที่ 12,000 ราย และคาดว่าจะเพิ่มอย่างรวดเร็วจากกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยจะมีการจัดงานวันวัฒนชีวาสากลในวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่ โรงแรม สวิสโซเท็ล ถ.รัชดาภิเษก

ขณะที่ผลิตภัณฑ์บำบัดมะเร็ง บริษัทพัฒนาสูตรสำเร็จใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการกระตุ้น Super CD4 และ Super CD8  เพื่อให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันลดลงจากการฉีดวัคซีน mRNA ใช้ดูแลสุขภาพได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ปัจจุบันสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อ Bye Bye HIV ได้แล้ว 44 ราย เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกด้วยนวัตกรรมแห่งชาติไทยหลังจากที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ใด สามารถทำได้ตลอด 40 ปี ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นจากผู้ติดเชื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน

โดยภายในเดือนกันยายนนี้ บริษัทจะมีการร่วมกับพันธมิตร บริษัท NP Holding จำกัด และเครือข่ายส่ง “สูตรพิเศษ  KTCEL” ไปให้ผู้ติดเชื้อในประเทศจีน ขณะเดียวกันได้วางแผนนำผู้ติดเชื้อเข้ามารับการดูแลรักษาในกรุงเทพ ซึ่โดยร่วมกับสมาคม และมูลนิธิดูแลผู้ติดเชื้อในประเทศจีน จำนวน 400,000 คน 

จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 30% และจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 80%

ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 151.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 113.91 ล้านบาท จำนวน 37.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.22% และมีกำไรสุทธิ 58.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32.33 ล้านบาท จำนวน 26.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 80.71%

ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 68.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 57.87 ล้านบาท จำนวน  10.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  18.54 %  และมีกำไรสุทธิ 25.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.01   ล้านบาท จำนวน 8.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.66%