• SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเดือน มี.ค. 2024 ในรูป %YOY มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปัจจัยฐานสูง แม้ภาคการผลิตและการค้าโลกจะอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เนื่องจากมีการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปกติมาก ข้อมูลจากการแถลงข่าวของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน มี.ค. 2024 จะอยู่ที่ราว 25,500 – 26,500 หดตัวประมาณ -5.4% ถึง -8.9%  *** ด้าน Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ชะลอลงจาก 10.0%YoY เมื่อเดือนก่อน ประเมินว่าการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567 ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% โดยการส่งออกไม่รวมทองคำเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 1.2% จากสินค้าสำคัญหลายรายการที่ยังหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศสำคัญมีความไม่นอนสูงโดยเฉพาะยุโรป และญี่ปุ่น
Home HTECH แกร่ง 9 เดือน กำไรพุ่ง 166% อัพเป้ารายได้โตแตะ 20%
HTECH แกร่ง 9 เดือน กำไรพุ่ง 166% อัพเป้ารายได้โตแตะ 20%

HTECH แกร่ง 9 เดือน กำไรพุ่ง 166% อัพเป้ารายได้โตแตะ 20%

HTECH โชว์ผลงานสุดแกร่ง!!! เติบโตท่ามกลางวิกฤติโควิด ประกาศงบงวด 9 เดือนแรกปี 64 โกยรายได้รวมกว่า 836 ล้านบาท โต 22% กำไรเกือบ 103 ล้านบาท พุ่งแรงกว่า 166% จากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ชูชิ้นส่วนกลุ่มไฮเอนด์เป็นดาวเด่น รับดีมานด์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อยู่ในระดับสูง ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นตัว และรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในอเมริกาที่โตอย่างมีนัยสำคัญ มองแนวโน้มไตรมาส 4 พีคต่อเนื่อง แม้สถานการณ์โควิดกระทบธุรกิจของบริษัทย่อยในบางประเทศ แต่มั่นใจภาพรวมดูดี ล่าสุดปรับเป้ารายได้รอบ 2 ทั้งปีเป็นเติบโตใกล้เคียง 20% จากเดิมตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมมุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรที่ดีต่อเนื่อง

 

นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ผู้ประกอบธุรกิจผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) รายใหญ่ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-กันยายน 2564) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 836.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.60 ล้านบาท หรือเติบโต 22.85% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 102.64 ล้านบาท เติบโต 166.69% และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.19% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 อยู่ที่ 6.19%

 

รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนของโรงงานของบริษัทใหญ่ และบริษัทย่อยในอเมริกาเป็นหลัก โดยบริษัทใหญ่มีรายได้จากการขายในงบการเงินเฉพาะกิจการ 343.67 ล้านบาทในงวดเก้าเดือน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 37.69 ล้านบาทจากปีก่อน จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทใหญ่ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และการย้ายฐานการผลิตกลับเข้ามาในประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมนี้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3-4 ของปีก่อน ต่อเนื่องมายังไตรมาส 2/2564 ก่อนที่ในไตรมาส 3/2564 มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และลูกค้าหลักหลายเจ้ามีพนักงานติดโควิดจึงมีการผลิตลดลง ส่งผลกระทบให้รายได้ของบริษัทใหญ่ในเดือนก.ค.-ส.ค. สะดุดเล็กน้อย ทำให้ในงวดสามเดือนไตรมาส 3/2564 บริษัทใหญ่มีรายได้จากการขาย 111.41 ล้านบาท ลดลง 10.43 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ การผลิตและคำสั่งซื้อของลูกค้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา

 

ด้าน บริษัทย่อยแห่งใหม่ Mastertech Diamond Products Company หรือ “MDP" ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในงวดเก้าเดือนมีรายได้ 125.07 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน 47.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.28 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน MDP อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต รวมถึงมีแผนย้ายโรงงานเพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการจากลูกค้าในอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องบิน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมไปถึงอุตสาหกรรมหนักในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศใกล้เคียงเพิ่มเติม

 

“แม้ในสถานการณ์โควิด HTECH เราไม่หยุดนิ่ง เดินหน้าเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต โดยกลุ่มลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งทั้งกลุ่มบริษัท มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 40% ขณะที่ตลาดนี้ใหญ่มาก และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องสอดรับความต้องการใช้ Cloud Technology , IoT และ 5G รวมทั้งแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำมีการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บที่มีความจุเพิ่มขึ้น หนุนดีมานด์ฮาร์ดดิสก์ยังคงเติบโตได้ดี รองลงมาคือกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 30% เริ่มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน รวมถึงปัญหาชิปขาดตลาดเริ่มลดความรุนแรงลง สนับสนุนผลงานในงวด 9 เดือน ปี 2564 เติบโตอย่างน่าประทับใจ และคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปีจะเห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในปีหน้ายังมองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดี ด้วยการสนับสนุนจากโรงงานของบริษัทย่อยในเวียดนามและอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิต และพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง” นายพีท กล่าว

 

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น บริษัทฯ จึงปรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 เป็นเติบโตใกล้เคียงระดับ 20% จากเดิมที่ปรับเพิ่มเป้ารายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% จากเป้าหมายเดิมเมื่อต้นปีที่ 7% เนื่องจากผลงานในช่วง 9 เดือนที่ออกมาค่อนข้างดี และคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4 จะเติบโตแรงต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ยังคงต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด