• SCB EIC คาด กนง. จะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นจังหวะเวลาที่ภาวะการเงินตึงตัวจะเริ่มส่งผลกดดันเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงเปราะบาง ประกอบกับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจะเริ่มปรับสูงขึ้น *** จึงประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้งปลายปีนี้เหลือ 2.25% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2% ในช่วงต้นปีหน้า (2025)
Home IND ชูครึ่งปีหลังโตแกร่ง ลุยประมูลงานใหม่ เสริมเขี้ยวเล็บเต็มสูบ
IND ชูครึ่งปีหลังโตแกร่ง ลุยประมูลงานใหม่ เสริมเขี้ยวเล็บเต็มสูบ

IND ชูครึ่งปีหลังโตแกร่ง ลุยประมูลงานใหม่ เสริมเขี้ยวเล็บเต็มสูบ

IND ชูครึ่งปีหลังโตแกร่ง ลุยประมูลงานใหม่ เสริมเขี้ยวเล็บเต็มสูบ-ดันผลงานปี66 โตบวก

บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ประเมินภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ไตรมาส 3-4/66 ยังเติบโตแข็งแกร่ง รับปัจจัยหนุนจากโครงการใหม่ทยอยเข้าต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐที่ขยายตัว ที่สำคัญมีงานในมือตุนไว้แล้วกว่า 1,863.66 ล้านบาท ด้าน “ดร.พรลภัส ณ ลำพูน”ส่งสัญญาณผลงานทั้งปียังเติบโตในทิศทางบวก พร้อมเดินหน้าประมูลโปรเจคใหม่จากภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ตอกย้ำการบริหารธุรกิจยังเป็นไปตามแผน

ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (IND) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 3-4/2566 ว่ายังคงมีศักยภาพในการเติบโตและขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีตามแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างของภาครัฐและเอกชนที่ฟื้นตัว ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ,โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ  ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ ที่มีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ  อีกทั้งยังมีงานในมือ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้รายได้มูลค่ารวมประมาณ 1,863.66 ล้านบาท(ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566)   ให้มั่นใจช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรสุทธิทั้งปีจะเติบโตอยู่ในทิศทางบวกได้

“ภาพรวมของภาคการก่อสร้างและการลงทุนในครึ่งปีหลัง มองว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และความเชื่อมั่นในการลงทุน การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีกำลังจะกลับมา  โดย IND มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมโครงการออกแบบและก่อสร้างใหม่ๆ สอดรับกับการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัว ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นรับงานโครงการใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ มีกำไร และลักษณะโครงการที่สอดคล้องกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของรายได้และกำไร ในอนาคต”

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้   โดยวางเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง โดยการขยายฐานลูกค้าจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเข้าสู่ภาคเอกชนมากขึ้น  อีกทั้งยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานในลักษณะ EPCI  เพื่อต่อยอดธุรกิจก่อสร้าง  รวมถึงขยายสู่กลุ่มประเทศ CLMV  เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และสร้างจุดแข็ง สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ  ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่ายังคงมุ่งมั่นในการบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ เพื่อให้ผลการดำเนินงานมีความแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต