• SCB EIC เผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ส.ค. 2024 ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ 7% ทำให้ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยที่ 2.6% และ 2.8% ในปี 2024 และ 2025 ยังถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2010-2019 ที่ 5.3% --- ปัจจัยการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไปจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ในภาพรวม แม้จะชะลอตัวลงบ้างในหลายประเทศ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และแรงกดดันด้านค่าระวางเรือที่เริ่มลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 อาจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 2.6% แต่ต้องจับตาผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย การแข็งค่าของเงินบาท และการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย
Home INETREIT ชูศักยภาพ “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัล” รับเทรนด์ AI และ Platform Service Solution
INETREIT ชูศักยภาพ “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัล” รับเทรนด์ AI และ Platform Service Solution

INETREIT ชูศักยภาพ “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัล” รับเทรนด์ AI และ Platform Service Solution

หนุนดีมานด์คลาวด์ - ดาต้าเซ็นเตอร์ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ


ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด ชูศักยภาพเป็น “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” รองรับดีมานด์คลาวด์ – ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า INETREIT เป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด โดยเข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินประเภท Data Center ทั้งหมด โดยทรัพย์สินของกองทรัสต์จัดอยู่ในหมวดหมู่ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต จากการเพิ่มขึ้นของดีมานด์การเก็บและใช้ข้อมูล กฎหมายและกฎระเบียบที่กำหนดพรมแดนในการจัดเก็บข้อมูล และสัดส่วนการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงผู้เช่าของ INETREIT เป็นผู้ประกอบธุรกิจคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำ และมีแนวโน้มเติบโตสูง รวมทั้งมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 สำหรับ Local Cloud Service Provider ในประเทศไทย นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนของกองทรัสต์ในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโต โดยมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับดีมานต์คลาวด์ที่เติบโตในอนาคต


ทั้งนี้ INETREIT ประเมินภาพรวมตลาดคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 4.8% และมูลค่าตลาด Public Cloud ในประเทศไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 19.5% ในช่วงปี 2567-2570 ซึ่งมาจากการเติบโตของความต้องการเก็บและใช้ข้อมูล เช่น Big Data, IoT, 5G, AI, Remote work, Teleconference, Audio Visual Streaming การเติบโตของธุรกิจดิจิทัล E-commerce ต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลในการส่งเสริม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้เทคโนโลยี AI ที่มากขึ้น การมีข้อกำหนดให้จัดเก็บข้อมูลของพลเมืองและข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจภายในพรมแดนประเทศ และการเติบโตของจำนวนประชากรในประเทศ รวมถึงทักษะด้านดิจิทัลและสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้มีความต้องการใช้บริการคลาวด์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ AI, Machine Learning และPlatform service solution ที่เป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของคลาวด์และธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจาก AI และ Platform Service Solution จำเป็นจะต้องใช้คลาวด์เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว และการจัดเก็บข้อมูลทรัพยากรที่มีปริมาณมาก เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ขนาดใหญ่


ทั้งนี้ แม้ว่าในปัจจุบันมีความท้าทายด้านการแข่งขันจากผู้ให้บริการต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แต่กองทรัสต์มั่นใจว่า ผู้เช่า มีจุดแข็งและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน จากการให้บริการและสนับสนุนลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถให้บริการแบบ 7 วันตลอด 24 ชั่วโมง (24/7) นอกจากนี้ ผู้เช่า สามารถให้บริการที่ตรงความต้องการของลูกค้า ผ่านการออกแบบการให้บริการทั้ง การจัดเก็บข้อมูล, การประมวลผล, การรักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ


นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังว่ายังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการขยายตัวของผู้เล่นในอุตสาหกรรม และคาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งการใช้งานคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่ต้องมีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านนโยบายและโครงการต่างๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจในไทยก็เริ่มมีการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การใช้คลาวด์ในการพัฒนา Internet of Things (IoT) และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้


“INETREIT เป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในไทยที่ลงทุนในสินทรัพย์เทคโนโลยีโดยตรง ทำให้เราเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ นอกจากนี้ INETREIT ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเป็นแหล่งเงินทุนให้ผู้ให้บริการไทยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ แผนการลงทุนของกองทรัสต์จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” นายสุตกานต์ กล่าว