• SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเดือน มี.ค. 2024 ในรูป %YOY มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปัจจัยฐานสูง แม้ภาคการผลิตและการค้าโลกจะอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เนื่องจากมีการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปกติมาก ข้อมูลจากการแถลงข่าวของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน มี.ค. 2024 จะอยู่ที่ราว 25,500 – 26,500 หดตัวประมาณ -5.4% ถึง -8.9%  *** ด้าน Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ชะลอลงจาก 10.0%YoY เมื่อเดือนก่อน ประเมินว่าการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567 ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% โดยการส่งออกไม่รวมทองคำเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 1.2% จากสินค้าสำคัญหลายรายการที่ยังหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศสำคัญมีความไม่นอนสูงโดยเฉพาะยุโรป และญี่ปุ่น
Home KTMS สยายปีกศูนย์ไตเทียมเพิ่ม 14 สาขา หนุนรายได้ปีนี้เติบโต 45%
KTMS สยายปีกศูนย์ไตเทียมเพิ่ม 14 สาขา หนุนรายได้ปีนี้เติบโต 45%

KTMS สยายปีกศูนย์ไตเทียมเพิ่ม 14 สาขา หนุนรายได้ปีนี้เติบโต 45%

กรุงเทพฯ - บมจ.เคที เมดิคอล เซอร์วิส “KTMS” ประกาศเดินหน้าสยายปีก เล็งปักหมุดเพิ่มอีก 14 สาขาทั้งให้บริการในรูปแบบศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาล และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทาง ทั่วประเทศ สอดรับทรนด์การเติบโตของผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มขึ้นทุกปี มั่นใจปั๊มรายได้โต 45% ทะลุระดับ 500 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ผู้นำอันดับ1 ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะที่บริษัทย่อย ส่งสัญญาณเชิงบวก พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานท่อลมรับ – ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ปีนี้ รวมกว่า 30 ล้านบาท

 



นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ KTMS ผู้ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมทั้งการขายและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์อย่างครบวงจร ด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในปีนี้ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เหมือนกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วงปี 2564-2565 พบว่ามีจำนวนคนไข้เข้ารับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพิ่มขึ้นประมาณ 15% ต่อปี ซึ่งเชื่อว่าจากจำนวนผู้ป่วยเข้ารับบริการจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้จำนวนผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวจะทยอยเข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งจากปัจจัยของจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อการเข้ารับการบริการด้านการรักษาภายใต้ KTMS และจากอดีตที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 30% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ดังนั้นจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปี 2566 บริษัทฯได้วางเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับเกินกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นประมาณ 45% จากปี 2565

 


ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มในปี2566 จำนวน 14 แห่งทั่วประเทศโดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 ที่บริษัทฯมีสาขาให้บริการรวม 22 สาขา โดยแบ่งเป็น ศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาลรัฐบาล (outsource) จำนวน 19 สาขา จากปัจจุบันที่มี 22 สาขา ส่วนอีก 3 สาขา เป็นคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (Stand-Alone) โดยปีนี้บริษัทฯ มีโอกาสขยายสาขาใหม่เพิ่มทั้งในส่วนของภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายหน่วยให้บริการผู้ป่วยให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ให้สามารถเข้าถึงการให้บริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 “การขยายสาขาให้บริการในรูปแบบคลินิก จะมีมาร์จิ้นสูงกว่าศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาล ซึ่งเบื้องต้นในปี 2566 บริษัทฯ จะขยายสาขาให้บริการในรูปแบบคลินิก จำนวน 2 สาขา ได้แก่ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 สาขา ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าด้านงานก่อสร้างไปมากแล้ว และในจังหวัดพิษณุโลก 1 สาขา โดยล่าสุดปิดดีลซื้อที่ดินแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมก่อสร้าง ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯเปิดให้บริการสาขาให้บริการในรูปแบบคลินิกแล้ว จำนวน 3 สาขา ได้แก่ ในทำเลพัฒนาการ, จังหวัดตาก และจังหวัดเชียงใหม่”
ส่วนการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น  ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาทำเลและหาซื้อที่ดิน โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปี 2566 ทั้งนี้หากโรงงานดังกล่าวเสร็จสิ้น จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3-4 ล้านแกลลอนต่อปี จากเดิมที่โรงงานผลิต ในกรุงเทพฯ มีกำลังการผลิตที่ 900,000 แกลลอนต่อปี ซึ่งกำลังการผลิตจะเติบโตที่ประมาณ 4 เท่าตัว จากกำลังการผลิตที่มีในปัจจุบัน

  จากแผนการขยายธุรกิจ ดังกล่าว ส่งผลให้อัตราการเติบโตของ KTMS ในปี 2566 ขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยสัดส่วนรายได้หลักจะมาจากธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ประมาณ 75%  และจะมาจากบริษัทย่อย 3 บริษัทฯ ที่ประมาณ 25% อย่างไรก็ตาม การมีสาขาในรูปแบบคลินิกเพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อีกทั้ง คลินิกไม่ต้องมีการเข้าประมูลในทุก ๆ ปี เหมือนศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาล ซึ่งสะท้อนถึงความยั่งยืน ของ KTMS ในอนาคต

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTMS กล่าวอีกว่า ในปี 2566 ธุรกิจหลัก ยังคงมีการขยายอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายในเครือมีทิศทางการเติบโตในทิศทางเดียวกัน ทั้ง บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IRV)  ดำเนินธุรกิจ 1.ธุรกิจการให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการบำรุงรักษาระบบ, 2.การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม, 3.การให้บริการออกแบบและตกแต่งสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และ 4.การออกแบบ ประกอบ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์สำหรับสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม โดยคาดว่าในปี 2566 คาดว่า IRV จะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จากการเตรียมนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ ๆ สำหรับสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มาจำหน่ายเพิ่มขึ้น เช่น เก้าอี้สำหรับการฟอกเลือด รถเข็น รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งนี้ที่ผ่านมา IRV ได้เริ่มมีการจำหน่ายชุดเซตอุปกรณ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ในช่วงปลายปี 2564 ขณะที่ในปี 2565 เป็นปีแรกที่ดำเนินการได้เต็มปี และในปี 2566 จะเริ่มมีการขยายไปตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด (MV) ดำเนินธุรกิจการให้บริการออกแบบ และติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ รวมทั้งบริการดูแลบำรุงรักษาระบบ มีแผนจะเข้าประมูลงานติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์เพิ่มมูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท (มูลค่าโครงการตั้งแต่ 2-8 ล้านบาทต่อโครงการ) และบริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด (NEP)  จะเริ่มมีรายได้ จากการดำเนินการในคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม 2 สาขา ในในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะหนุนให้ KTMS มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะเข้ามาเสริมการรับรู้รายได้ของบริษัทในปี 2566 นี้