• SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเดือน มี.ค. 2024 ในรูป %YOY มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปัจจัยฐานสูง แม้ภาคการผลิตและการค้าโลกจะอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เนื่องจากมีการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปกติมาก ข้อมูลจากการแถลงข่าวของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน มี.ค. 2024 จะอยู่ที่ราว 25,500 – 26,500 หดตัวประมาณ -5.4% ถึง -8.9%  *** ด้าน Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ชะลอลงจาก 10.0%YoY เมื่อเดือนก่อน ประเมินว่าการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567 ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% โดยการส่งออกไม่รวมทองคำเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 1.2% จากสินค้าสำคัญหลายรายการที่ยังหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศสำคัญมีความไม่นอนสูงโดยเฉพาะยุโรป และญี่ปุ่น
Home SME D Bank ปลื้มสินเชื่อ‘SMEs Re-Start’ฮิต อัดเพิ่ม 3 พันล.เปิดกว้างกู้ได้ทุกธุรกิจ
SME D Bank ปลื้มสินเชื่อ‘SMEs Re-Start’ฮิต อัดเพิ่ม 3 พันล.เปิดกว้างกู้ได้ทุกธุรกิจ

SME D Bank ปลื้มสินเชื่อ‘SMEs Re-Start’ฮิต อัดเพิ่ม 3 พันล.เปิดกว้างกู้ได้ทุกธุรกิจ

หนุนเอสเอ็มอีไทยเดินหน้ากิจการช่วงปลายปีเต็มสูบ

 

SME D Bank ปลื้ม “สินเชื่อ SMEs Re-Start” กระแสตอบรับล้นหลาม ลุยเพิ่มวงเงินโครงการอีก 3,000 ล้านบาท พร้อมขยายเกณฑ์ เปิดกว้างครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนสบาย ๆ นาน 12 ปี หนุนเอสเอ็มอีไทยเดินหน้าธุรกิจ รับปัจจัยบวกครึ่งหลังปี 65  จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มช่วงไฮซีซั่น และจับจ่ายคึกคัก

 

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารเปิดตัวโครงการ “สินเชื่อ SMEs Re-Start” วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้เอสเอ็มอีกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง นำไปใช้พลิกฟื้นธุรกิจ ซึ่งได้การตอบรับดีมากจนเต็มวงเงินอย่างรวดเร็ว  ดังนั้น SME D Bank  ได้เพิ่มเติมวงเงินโครงการนี้ อีก 3,000 ล้านบาท พร้อมปรับเกณฑ์ขยายกลุ่มธุรกิจ นอกจากกลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องแล้ว  ได้เปิดกว้างให้เอสเอ็มอีทุกประเภทธุรกิจสามารถจะขอกู้ได้ด้วย ซึ่งจาก “ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs ต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 3/2565 และคาดการณ์อนาคต” โดย “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.” ร่วมกับ “ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ระบุว่า  เศรษฐกิจไทยช่วงปลายนี้จะปรับตัวดีขึ้น  จากปัจจัยบวกกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึง นโยบายเปิดประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงจำเป็นและต้องการเงินทุน เพื่อนำไปลงทุน เสริมสภาพคล่อง หมุนเวียนในกิจการ สามารถเดินหน้าคว้าโอกาสทางธุรกิจได้เต็มศักยภาพ

 

 

โดย “สินเชื่อ SMEs Re-Start” จะเข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะกู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทุกประเภทธุรกิจ เปิดกว้างทั้งลูกค้าเก่าและใหม่  สามารถนำไปใช้ได้ทั้งเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี หรือ MLR-1.25% วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี พร้อมปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) สูงสุด 2 ปีแรก  เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 หรือจนกว่าจะหมดวงเงินโครงการ แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน   ซึ่งการขยายวงเงินสินเชื่อ ครั้งนี้  จะช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ประมาณ  600 ราย รักษาการจ้างงานประมาณ 3,000 อัตรา และก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ  13,700 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน SME D Bank  ยังจัดเตรียมบริการด้าน “การพัฒนา”  ควบคู่ให้ด้วย ผ่านโครงการ “SME D Coach” ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาธุรกิจครบวงจร โดยโค้ชมืออาชีพ  ช่วยยกระดับเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  สามารถใช้บริการได้ฟรี

 

“ครึ่งหลังปี 65 จะเป็นโอกาสสำคัญของเอสเอ็มอีไทย  ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายเปิดประเทศของภาครัฐ  และเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้สอยคึกคัก เมื่อมีเงินทุนและความรู้ที่ SME D Bank พร้อมสนับสนุน จะช่วยพาเอสเอ็มอีไทยคว้าโอกาสสำคัญครั้งนี้ไว้ได้” นางสาวนารถนารี กล่าวเสริม

 

สนใจแจ้งความประสงค์รับบริการ “สินเชื่อ SMEs Re-Start” และงานพัฒนาได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ    เช่น เว็บไซต์  https://www.smebank.co.th/