เปิดตัว'บิ๊กซี รีเทล'สร้างระบบนิเวศค้าปลีก-ค้าส่งครบวงจร เพิ่มศักยภาพเติบโตก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เตรียมมอบประสบการณ์ชอปปิงที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
อัศวิน เตชะเจริญวิกุล / ดุษณี เมอร์ลิง
บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในฐานะบริษัทเรือธง (Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC) และกลุ่มบริษัทไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น จำกัด (TCC) ที่มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนาโมเดลธุรกิจจากพื้นฐานธุรกิจเดิมของบิ๊กซีผนวกกับการรวบรวมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจค้าส่งในหลากหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตไปด้วยกัน 2 ปีนับจากนี้ (2566-2567) ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เร่งเครื่องธุรกิจในทุกมิติ รีโนเวท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลำลูกกา บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดาภิเษก จากไฮเปอร์มาร์เก็ต สู่ BigC Place โมเดลใหม่ ก่อนเตรียมนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ)
BRC เป็นผู้กระจายสินค้าให้กับผู้บริโภคด้วยรูปแบบของธุรกิจที่หลากหลายโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภค ในประเทศไทยและในภูมิภาคเป็นการก้าวสู่เส้นทางการเติบโตครั้งใหม่บนรากฐานอันแข็งแกร่งของธุรกิจที่ครอบคลุมและพรั่งพร้อมด้วยสินค้าที่คุ้มค่าและหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ และความชื่นชอบเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคและสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคม
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “BRC” กล่าวว่า “บิ๊กซี คือชื่อที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยมากว่า 30 ปี และวันนี้เราพร้อมที่จะก้าวสู่มิติใหม่ของธุรกิจและการเติบโตอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น” หรือ “BRC” ภายหลังการปรับโครงสร้าง บริษัทฯ จะมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับศักยภาพในทุก ๆ ด้าน ให้เป็นผู้นำของภาคธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่ง ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ไม่เหมือนใครด้วยความคุ้มค่าและการคัดสรรสินค้าอย่างดี ซึ่งเป็นจุดหมายในการสร้างความสุขแบบบิ๊ก ๆ ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติในการเลือกซื้อสินค้าและบริการอย่างครบวงจร และเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของชุมชนให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้า และเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เป็นจุดนัดพบและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้โดยไม่เสียเวลาเดินทาง ควบคู่ไปกับการมุ่งตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
นายอัศวิน กล่าวว่า BRC มีพื้นที่ร้านค้าปลีกที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 2,000 แห่ง ใน 3 ประเทศ ไทย, ลาว และกัมพูชา ส่วนแบ่งตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ตในไทย อ้างอิงจากยอดขายปลีกตามข้อมูล Euromonitor ปี 2556-65 อยู่อันดับ 2 หรือ 42% และครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจให้เช่าพื้นที่ 47% ในไทย อ้างอิงจาก Knight Frank ปัจจุบัน BRC ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ 199 แห่งในไทย และ 1 แห่ง ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ร้านค้าขนาดเล็ก 1,518 แห่ง ตลาด Open-Air 8 แห่งในไทย 2.ธุรกิจค้าส่ง ทำการค้ากับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่แบบ B2B โดยตรงกว่า 80,000 ราย อาทิ การขายสินค้าให้กับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมกว่า 1,170 สาขา ที่ดำเนินงานโดยเจ้าของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมในประเทศไทย โมเดล ‘ร้านค้าโดนใจ’ ภายใต้การดูแลของ BRC 3.ธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ร้านขายยาเพรียว 146 สาขาในไทย ร้านขายยาสิริฟาร์มา 1 สาขาในไทย ร้านกาแฟวาวี 58 สาขาในไทย โดย BRC เป็นเจ้าของ 50 สาขา แฟรนไชส์ 8 สาขา ร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส 55 สาขา และร้านหนังสือบุ๊คกาซีน 1 สาขาในไทย
"ปี 2566 ปรับปรุง สาขาที่มียอดขายสูงสุด บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ราชดำริ อาทิ เพิ่มป้ายโลโก้ BigC ทั้งพื้นที่ภายนอก-ในอาคาร ดึงดูดเป็นจุดเช็กอิน หลังทราฟฟิคลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กลับมาสูงอีกครั้งหลังเปิดประเทศ คาดรายได้สาขานี้โตขึ้น 7-8% ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ (2566-2567) BRC ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท เร่งเครื่องธุรกิจในทุกมิติ พร้อมรีโนเวท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลำลูกกา บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดาภิเษก จากไฮเปอร์มาร์เก็ต สู่ BigC Place ปรับพื้นที่ค้าปลีกให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น และเปิดตัวโมเดลใหม่ หลังรีโนเวท บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต ลำลูกกา คลอง 5 ในเดือน ก.ค.นี้ และปี 2567 สาขารัชดา จะเป็นแฟล็กชิฟขนาดใหญ่ที่สุด ตอบโจทย์การช้อปปิ้ง และการพักผ่อนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยวางเป้าหมายขยาย 10-15 สาขาต่อปีนับจากนี้ ซึ่งการรีโนเวทที่ดีจะต้องช่วยยกระดับการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%
BRC ยังมีรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครบวงจร เข้าถึงและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ มีการพัฒนาการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักผ่านฐานข้อมูลลูกค้าสมาชิกโปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ซึ่ง BRC ได้มุ่งเน้นและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า นอกจากนี้ BRC ยังมุ่งเน้นการคัดเลือกสัดส่วนของกลุ่มผู้เช่าและกลุ่มสินค้าในพื้นที่ร้านค้า (Retail Venue) อย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลาย อยู่ในกระแสนิยม มีความคุ้มค่าคุ้มราคา และกลายเป็นจุดหมายประจำ (Go-to Destination) สำหรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มคนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ การที่ BRC ได้รับการสนับสนุนภายใต้เงื่อนไขบางประการจากกลุ่ม TCC ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ในทำเลที่มีศักยภาพจำนวนมากในประเทศไทย BRC อาจจะสามารถเข้าถึงที่ดินดังกล่าว ทําให้ BRC อยู่ในสถานะที่มีโอกาสเติบโตได้โดยการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งภายใต้ข้อตกลงในสัญญาให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมและสัญญาให้สิทธิกับ BJC บิ๊กซี รีเทล มีสิทธิในการได้มาซึ่งกิจการ MM Mega Market (Vietnam) Company Limited และเครื่องหมายการค้า MM ที่ใช้ในการดำเนินกิจการร้านค้า MM Mega Market ในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการตามสัญญา
BRC ได้พัฒนา Omnichannel Platform ที่มีรากฐานจากการวิเคราะห์และทำความเข้าใจฐานลูกค้าขนาดใหญ่ภายใต้โปรแกรมสิทธิพิเศษบิ๊กพอยต์ที่มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานกว่า 18 ล้านราย เพื่อมอบประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าอย่างครบวงจรผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังช่องทางออฟไลน์ (Online to Offline) ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยนำเสนอผ่านการทำการตลาดแบบรายบุคคลซึ่งตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า โดยอาศัยเครือข่ายร้านค้าที่กว้างขวางและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ออนไลน์ (www.bigc.co.th) แอปพลิเคชันบิ๊กซีพลัส (Big C PLUS) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณถึง 3.5 ล้านรายต่อเดือน นอกจากนั้นยังมีร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee, Lazada, Foodpanda, Grab Mart และอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน BRC ยังมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมให้ดีขึ้น ตลอดจนดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และวางเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ดาดฟ้าของร้านค้า ศูนย์กระจายสินค้า และร่วมมือกับพันธมิตรในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งสินค้า ตลอดจนตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในอัตราร้อยละ 15 ในปี 2575 เมื่อเทียบกับปี 2564 และตั้งเป้าหมายระยะยาวเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 โดย BRC เชื่อว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรม เราจะสร้างความสุขของคนไทยให้บิ๊กขึ้น คุ้มขึ้น ล่าสุด BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
ดุษณี เมอร์ลิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา BRC มีรายได้ปี 2563 รายได้รวม 113,100 ล้านบาท EBITDA 11,718 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 111,107 ล้านบาท EBITDA 9,656 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 113,573 ล้านบาท EBITDA 11,511 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2566 รายได้รวม 27,433 ล้านบาท EBITDA 2,992 ล้านบาท ปี 2566 วางแผนงบลงทุน 10,964 ล้านบาท 2567 ตั้งงบลงทุน 9,948 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนพัฒนา และขยายสาขาบิ๊กซี ประเทศลาว 655 ล้านบาท และกัมพูชา 890 ล้านบาท