กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 26 กันยายน 2567 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด หรือ TRIS Rating ยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ TTA ที่ระดับ “BBB+” พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงศักยภาพในการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งของ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง และธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง พร้อมคาดการณ์ว่าธุรกิจ ดังกล่าวจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้ง สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำในประเทศไทย เผยปัจจัยที่สนับสนุนอันดับเครดิตของ TTA ที่ “BBB+/Stable” และยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุปทานของเรือขนส่งสินค้าแห้ง เทกองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้อัตราค่าระวางอยู่ในระดับที่ดี ที่ 15,350 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อวันต่อลำในปี 2567 ในขณะที่มูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบของธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งอยู่ในระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่จำนวน 976 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ อีกทั้ง ยังได้ขยายขอบเขตการให้บริการและการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ในหลายภูมิภาค ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงและความชัดเจนในด้านรายได้ ส่งผลให้สถานะทางธุรกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทริสเรทติ้ง มองว่าอาจมีความผันผวนในธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจนอกชายฝั่งที่เกิดขึ้นได้จากสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ TTA ยังคงสามารถรักษากำไรและกระแสเงินสดในระดับที่ดี อีกทั้ง ยังมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจและการลงทุน และมีจัดการหนี้สินได้อย่างเหมาะสม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา TTA ได้ขยายการลงทุนไปยังหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (โครงการ 125 สาทร) ธุรกิจสายการบิน (P80 Air) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) โดยการลงทุนเหล่านี้ สะท้อนถึงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง จะติดตามความสำเร็จของการลงทุนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและการเติบโตในอนาคต
การคงอันดับเครดิตติดต่อกันเป็นปีที่สองนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ TTA ในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก พร้อมทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยยังคงรักษาสมดุลในด้านการลงทุนควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไป