• SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเดือน มี.ค. 2024 ในรูป %YOY มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปัจจัยฐานสูง แม้ภาคการผลิตและการค้าโลกจะอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เนื่องจากมีการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปกติมาก ข้อมูลจากการแถลงข่าวของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน มี.ค. 2024 จะอยู่ที่ราว 25,500 – 26,500 หดตัวประมาณ -5.4% ถึง -8.9%  *** ด้าน Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ชะลอลงจาก 10.0%YoY เมื่อเดือนก่อน ประเมินว่าการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567 ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% โดยการส่งออกไม่รวมทองคำเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 1.2% จากสินค้าสำคัญหลายรายการที่ยังหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศสำคัญมีความไม่นอนสูงโดยเฉพาะยุโรป และญี่ปุ่น
Home กลุ่มดุสิตธานี รายได้เพิ่ม 52.1% ธุรกิจอาหารเติบโต 116.2%
กลุ่มดุสิตธานี รายได้เพิ่ม 52.1% ธุรกิจอาหารเติบโต 116.2%

กลุ่มดุสิตธานี รายได้เพิ่ม 52.1% ธุรกิจอาหารเติบโต 116.2%

กรุงเทพฯ 17 พฤษภาคม 2566 : กลุ่มดุสิตธานี เผยผลงานไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 588 ล้านบาท หรือ 52.1% จาก 1,129 ล้านบาท โดยธุรกิจโรงแรมบันทึกรายได้รายไตรมาสสูงที่สุดในรอบ 3 ปี จากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจอาหารเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ บริษัทฯ มีกำไรจากการประกอบธุรกิจหลัก 11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งขาดทุน 126 ล้านบาท

รายงานข่าวจากบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 8.63 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการประกอบธุรกิจหลัก 11 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับที่เคยขาดทุน 126 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2565 ที่ขาดทุน 107 ล้านบาท (QoQ) ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโรงแรม ทั้งจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และผลสำเร็จในการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องเฉลี่ย ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ต่อห้องรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการธุรกิจโรงแรมรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้จากธุรกิจโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีเพิ่มขึ้นจาก 634 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 1,192 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 88.0%

ขณะที่ธุรกิจอาหารเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากธุรกิจการให้บริการจัดการอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติ และธุรกิจผลิตเบเกอรี่และแฟรนไชส์ร้านขนมอบ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ด้านการขยายการเติบโตและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มเป็น 307 ล้านบาทในปีนี้ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 165 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 116.2% และทำให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการประกอบธุรกิจหลัก 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 44.4% จากไตรมาสก่อนหน้า

“กลุ่มดุสิตธานี ยังมั่นใจว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงเติบโตได้ต่อไป เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่ยังเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ ได้ในอนาคต” รายงานข่าวจากดุสิตธานี ระบุ