• SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเดือน มี.ค. 2024 ในรูป %YOY มีแนวโน้มหดตัวแรงจากปัจจัยฐานสูง แม้ภาคการผลิตและการค้าโลกจะอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เนื่องจากมีการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 มากถึง 1,568.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปกติมาก ข้อมูลจากการแถลงข่าวของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกในเดือน มี.ค. 2024 จะอยู่ที่ราว 25,500 – 26,500 หดตัวประมาณ -5.4% ถึง -8.9%  *** ด้าน Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.6%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แต่ชะลอลงจาก 10.0%YoY เมื่อเดือนก่อน ประเมินว่าการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในปี 2567 ให้ขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.8% โดยการส่งออกไม่รวมทองคำเดือน ก.พ. ขยายตัวที่ 1.2% จากสินค้าสำคัญหลายรายการที่ยังหดตัวต่อเนื่อง เช่น ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกไปยังประเทศสำคัญมีความไม่นอนสูงโดยเฉพาะยุโรป และญี่ปุ่น
Home 'ศรีตรังโกลฟส์'เข้าเทรดบนกระดานตลาดหุ้นสิงคโปร์
'ศรีตรังโกลฟส์'เข้าเทรดบนกระดานตลาดหุ้นสิงคโปร์

'ศรีตรังโกลฟส์'เข้าเทรดบนกระดานตลาดหุ้นสิงคโปร์

วันที่ 10 พ.ค.64 ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ ‘STG’ คาดหุ้นที่จะถูกโอนไปเพื่อทำการซื้อขายจะมีหลังวันที่ 14 พ.ค.นี้เป็นต้นไป

 

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) นำหุ้นเข้าจดทะเบียนบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ใช้ชื่อ ‘STG’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดาน โดยไม่มีการออกและเสนอขายหุ้นใหม่ เพื่อรองรับการขยายฐานผู้ถือหุ้นให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มช่องทางการระดมทุนในอนาคต และเป็นที่รู้จักของนักลงทุนในระดับภูมิภาค ส่วนหุ้นที่จะถูกโอนไปเพื่อทำการซื้อขายจะมีหลังวันที่ 14 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากผู้ถือหุ้นที่โอนหุ้นบางส่วนไปยังตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ติดเกณฑ์ Blackout Period ห้ามซื้อขายหุ้นในช่วง 30 วันก่อนประกาศงบการเงินประจำไตรมาสและ 1 วันภายหลังจากประกาศงบการเงินประจำไตรมาส

 

 

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป (ตามเวลาประเทศสิงคโปร์) บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนบนกระดานหลัก (Main Board) ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX-ST) โดยใช้ตัวย่อ ‘STG’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะไม่มีการออกและเสนอขายหุ้นใหม่ แต่เป็นการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ (ครอบครัวสินเจริญกุล) โอนไปยังตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเริ่มทำการโอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเพื่อทำการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากครอบครัวสินเจริญกุลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่จะโอนหุ้นบางส่วนไปยังตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ติดหลักเกณฑ์ Blackout Period ห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในช่วง 30 วันก่อนประกาศงบการเงินประจำไตรมาส และ 1 วันภายหลังจากประกาศงบการเงินประจำไตรมาส ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ก่อนประกาศงบการเงินประจำไตรมาส เนื่องจากต้องการให้เป็นไปกำหนดระยะเวลาเดิมที่วางไว้

 

 

สำหรับการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ จะส่งผลดีต่อการขยายฐานผู้ถือหุ้นให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น หลังเข้าจดทะเบียนและซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 มีช่องทางระดมทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต และยกระดับหุ้น STGT ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ยังจัดให้มีกลไกการโอนหุ้น เพื่อให้หุ้นของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ สามารถโอนหุ้นระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 แห่งเพื่อทำการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ได้

 

 

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ามีปริมาณการขายถุงมือยางรวมประมาณ 32,000 ล้านชิ้น เติบโตประมาณ 14% จากปี 2563 ที่มีปริมาณการขายเกือบ 30,000 ล้านชิ้น โดยมีแผนงานเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่อีก 4 แห่งในปีนี้ ได้แก่ โรงงาน SR2 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มเดินเครื่องจักรเต็มทุกไลน์การผลิตแล้ว โรงงาน SR3 ในจังหวัดสุราษฎร์คาดว่าเริ่มเดินเครื่องจักรภายในไตรมาส 2 นี้ โรงงานอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา คาดว่าเดินเครื่องจักรในไตรมาส 3 นี้ และโรงงานจังหวัดตรัง คาดว่าเดินเครื่องจักรในไตรมาส 4 นี้ ขณะที่ภาพรวมตลาดถุงมือยางทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าความต้องการใช้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 แสนล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ