• Krungthai COMPASS เผยอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. 68 อยู่ที่ 0.84% คาดเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอลงระยะข้างหน้า ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า ประเมินว่า ทิศทางเงินเฟ้อของไทยระยะข้างหน้ายังมีโมเมนตัมที่อ่อนแรงลง ปัจจัยหลักจากอุปสงค์ภายในประเทศซึ่งมีสัญญาณแผ่ว และทิศทางราคาพลังงานที่ลดลง โดยอุปสงค์ในประเทศยังคงเปราะบาง สะท้อนจากดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (PII) ในเดือน ก.พ. 68 ที่ปรับลดลงทั้งหมวดเครื่องจักร ยานพาหนะ และก่อสร้าง ส่งผลให้ดัชนีโดยรวมหดตัว 7.7%YoY
Home ‘ยูนิเวนเจอร์’เผยผลประกอบการปี 66 รายได้รวม 17,672 ล.โต 16%
‘ยูนิเวนเจอร์’เผยผลประกอบการปี 66 รายได้รวม 17,672 ล.โต 16%

‘ยูนิเวนเจอร์’เผยผลประกอบการปี 66 รายได้รวม 17,672 ล.โต 16%

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2566 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2566) โดยมียอดรายได้รวม 17,672 ล้านบาท

นายกำพล ปุญโสณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประจำปี 2566 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2566) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 17,672 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัทอยู่ที่ 516 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมทั้งหมดแล้ว บริษัทฯ จะมีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงาน 10,089 ล้านบาท คิดเป็น 57% รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ 3,400 ล้านบาท คิดเป็น 19% รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายสังกะสีอ๊อกไซด์ 1,220 ล้านบาท คิดเป็น 7% รายได้จากการลงทุนในธุรกิจที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง 1,095 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% รายได้จากการลงทุนในธุรกิจตู้แช่เชิงพาณิชย์ 738 ล้านบาท คิดเป็น 4% และรายได้อื่นๆ 1,130 ล้านบาท คิดเป็น 7%

สำหรับทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจภาพรวมในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้หลักไม่น้อยกว่า 18,500 ล้านบาท โดยเน้นรายได้หลักจากทั้งธุรกิจที่บริษัทฯ ได้ลงทุนและบริหารร่วมกับผู้ร่วมทุนที่มีศักยภาพซึ่งจะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องที่เป็น Recurring Income และธุรกิจที่บริษัทฯ บริหารและดำเนินการเอง 100% ที่จะสร้างการเติบโตที่เป็น Organic Growth นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจและมีความพร้อมที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าของธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น

“ในด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มคลี่คลาย บริษัทฯ ยังคงส่งเสริมให้ทุกธุรกิจที่บริษัทฯ ลงทุนได้พัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้าน ให้มีความพร้อม ต่อสภาวะตลาดที่กำลังกลับมาแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์หรือพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของกลุ่มบริษัทอย่างยั่งยืน” นายกำพล ปุญโสณี กล่าวในตอนท้าย