• SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ยังมีแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและท่องเที่ยว คาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจาก 1) เป็นการรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน (Neutral stance) จากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว (Neutral rate) ลดต่ำลงจากเดิม และ 2) มติ กนง. ล่าสุดยังออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่อง *** มองกรอบเงินบาทอยู่ที่ 35.80 - 36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสิ้นปีนี้ เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยในกรอบ 34.00-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
Home 'กรุงเทพประกันภัย'ตั้งเป้า ปี 67 เบี้ยฯ 32,500 ล. ชู BKIH โอกาสเติบโตมั่นคง-ยั่งยืน
'กรุงเทพประกันภัย'ตั้งเป้า ปี 67 เบี้ยฯ 32,500 ล. ชู BKIH โอกาสเติบโตมั่นคง-ยั่งยืน

'กรุงเทพประกันภัย'ตั้งเป้า ปี 67 เบี้ยฯ 32,500 ล. ชู BKIH โอกาสเติบโตมั่นคง-ยั่งยืน

กรุงเทพประกันภัย ต่อยอดความสําเร็จ พร้อมขยายสู่โอกาสใหม่ ประกาศแผนปี 2567 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 32,500 ล้านบาท มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ คนยุคใหม่ สู่การฟื้นฟูยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กรเติบโตแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

 


ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จํากัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดําเนินงานในปี 2566 ว่า บริษัทฯ สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ถึง 29,915.7 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ร้อยละ 12.1 มีกําไรจากการรับประกันภัย 2,070.1 ล้านบาท มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 1,299.5 ล้านบาท และบริษัทฯ มีผลกําไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,043.8 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท รวมทั้งปี 16.75 บาท พร้อมยืนหยัดความแข็งแกร่งทางด้านการเงินด้วยการมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกําหนด โดยอยู่ที่ร้อยละ 185.9 (ณ 30 ก.ย. 66) และรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ พ.ย. 66) โดย Standard & Poor's (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนําของโลก


สําหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2567 สมาคมประกันวินาศภัยไทย ประเมินว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 5.0 - 6.0 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยได้รับผลบวกจากประกันภัยสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประกันภัย ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามจํานวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกันด้านตลาดที่อยู่อาศัย แม้จะได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจนส่งผลต่อกําลังซื้อของผู้บริโภค แต่ด้วยต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นผนวกกับผู้ประกอบการได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัย สําหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่า ทําให้มูลค่าที่อยู่อาศัยต่อหน่วยที่เข้าสู่ระบบประกันภัยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังเบี้ยประกันอัคคีภัย สําหรับประกันภัยรถยนต์นั้น แม้ยอดจําหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมจะมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งรถยนต์ EV มี อัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉลี่ยที่สูงกว่ารถยนต์ใช้เชื้อเพลิง ส่งผลให้ปริมาณเบี้ยประกันภัยรถยนต์โดยรวมน่าจะยังคงเติบโตได้


อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะหดตัวลง อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2567 เช่นเดียวกับ ผลกระทบจากสงครามและความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่อาจไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการขนส่งสินค้าทางเรือที่ต้องใช้ระยะเวลา ยาวนานขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางเสี่ยงภัย รวมถึงปัญหา Supply Chain Disruption ที่กระทบต่อการผลิตเพื่อการส่งออก


นอกจากนี้ ธุรกิจประกันวินาศภัยจะยังคงได้รับประโยชน์จากการที่ตลาดรับประกันภัยต่อโดยรวม มีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยขึ้น แม้จะเป็นการเพิ่มในอัตราที่ลดลงจากปีที่ผ่านมา และจะยังคงมีแรง กดดันจากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและมีความถี่สูงขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) โดยเฉพาะภัยจากพายุฝนและน้ําท่วม ตลอดจนต้นทุนการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่ ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีตลาดเริ่มเห็นสัญญาณของอัตราเบี้ยประกันภัยที่คงที่หรือเริ่มลดลงในบาง Segment อันเป็นผลจากการที่ตลาดรับประกันภัยต่อมีกําไรจากการดําเนินงานที่ดีในปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีมหันตภัยขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดค่าสินไหมทดแทนจํานวนมหาศาล รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยต่อมาหลายปีติดต่อกัน

 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน / ชัย โสภณพนิช


2024 Year of Transformation and Embracing Regenerative Approach towards Sustainability


หลังจากในปี 2566 เป็นปีแห่งการ Resilience พลิกฟื้นบริษัทฯ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 ให้กลับไปสู่จุดที่แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งกว่าเดิมในทุกมิติ ผ่านการปลูกฝัง Mindset แก่บุคลากรให้เรียนรู้จากวิกฤตเพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับตัวให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างจิตสํานึกความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จนทําให้บริษัทฯ สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยและผลกําไรให้ เติบโตได้อย่างโดดเด่นเป็นประวัติการณ์


โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดสู่การเป็นปีแห่ง Regenerative ซึ่งหมายถึง การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่บริษัทฯ จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมได้รับผลกระทบเชิงบวกจากผลิตภัณฑ์บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ เพิ่มเติมจากคุณค่าที่เคยได้รับ ซึ่งผลกระทบเชิงบวกนั้นจะช่วยชดเชย ซ่อมเสริม หรือพลิกฟื้น สิ่งที่เคยสูญเสีย หรือบกพร่องให้กลับสู่สภาพปกติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือคุณภาพชีวิต ซึ่งผลลัพธ์ที่คาดหวังนั้น นอกจากจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการบริการที่เหนือความคาดหวัง สามารถตอบโจทย์ทุก Pain Point ของลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาความเป็นผู้นําในธุรกิจประกันวินาศภัยแล้วยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย


สําหรับทิศทางการดําเนินงานในปี 2567 นี้ กรุงเทพประกันภัยได้ตั้งเป้าหมายด้วยเบี้ย ประกันภัยรับรวมที่ 32,500 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.0 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 13,690 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor 18,810 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด พร้อมยกระดับนวัตกรรมการบริการให้ดียิ่งขึ้นนํามาซึ่งการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าและคู่ค้า
 

พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงและเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่


สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ เพื่อรองรับโครงสร้างประชากรไทยและวิถีชีวิตของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับความเสี่ยงต่างๆ ในรูปแบบ Personalized Insurance พร้อม ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า

 

  • ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า


พร้อมก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาแผนประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัย 55 - 75 ปี ที่ชื่นชอบขับรถด้วยตนเอง ซึ่งนอกจากจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แล้ว ยังเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่นๆ ได้อย่างครอบคลุม รองรับกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อมอบความอุ่นใจให้ผู้สูงวัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล อาทิ เงินชดเชยกายภาพบําบัด เงินชดเชยค่าเวชภัณฑ์คงทนใช้ภายนอกร่างกาย (เวชภัณฑ์ 2) ที่ จําเป็นต้องใช้หลังเกิดอุบัติเหตุ เช่น ไม้เท้า ไม้ค้ำยัน รถเข็นผู้ป่วย เผือกพยุงคอ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการ Nursing Care Service at Home ด้วยการมีบุคลากรทางการแพทย์มาดูแลลูกค้าถึงบ้านอีกด้วย

 

  • ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย


ด้วยเทรนด์ Pet Humanization ที่กําลังมาแรง ประชาชนให้ความสําคัญกับการเลี้ยงสัตว์เสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ต้องทํากิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น กรุงเทพประกันภัยเข้าใจในความต้องการของลูกค้า จึงมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ทุกแผนประกันภัย ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าที่ต่ออายุด้วยความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง และกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง โดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มแต่อย่างใด

 

  • ประกันภัยสุขภาพ (เพิ่มความคุ้มครองจิตเวช)


ท่ามกลางสภาวะทางสังคมที่ไม่แน่นอน เปราะบาง และมีแรงกดดันมากขึ้น บริษัทฯ จึงมุ่งให้ ความสําคัญกับเรื่องจิตใจของผู้คนในสังคม ผ่านแผนประกันภัยสุขภาพที่มอบความคุ้มครองทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยจะมีการเพิ่มความคุ้มครอง เช่น การตรวจรักษาอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ (Mental Health) การดูแลโดยพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ การรักษาโดยแพทย์ทางเลือก การตรวจสุขภาพ เงินชดเชยรายวันระหว่างการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล อันเนื่องมาจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย โดยมีแผนประกันภัยให้ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสม ทุนประกันภัยตั้งแต่ 300,000 - 1,000,000 บาท รับประกันภัยอายุ 16 - 70 ปี และสามารถต่ออายุได้ถึง 80 ปี

 

  • ประกันภัยสุขภาพ ผ่าน Telemedicine


วิกฤตโควิด-19 เป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่เร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคพลิกโฉมไปอย่างรวดเร็ว บริการแพทย์ทางไกลในรูปแบบ Telemedicine จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ เตรียมนําเสนอแผนประกันภัยสุขภาพ สําหรับ Telemedicine ซึ่งจะเป็นการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic ที่รองรับถึง 55 อาการของโรคที่สามารถรับคําปรึกษาจากแพทย์ทางไกลได้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ เจ็บคอ ผื่นคัน ตาเจ็บ ฯลฯ พร้อมช่วยลดความกังวลด้วยบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้านภายใน 1 ชั่วโมง สําหรับในเขตกรุงเทพฯ และเฟสถัดไปในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 นี้ บริษัทฯ จะยกระดับบริการด้าน Telemedicine ด้วยการขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงบริการปรึกษาแพทย์ทางไกล สําหรับการตรวจรักษาอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ เพื่อรองรับสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ทําให้ประชาชนต้องประสบกับภาวะความเครียด ซึ่งก่อให้เกิดโรคทั้งทางร่างกายและจิตใจ

 

  • ประกันภัยสําหรับคอนโด


ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ผู้คนอยู่อาศัยภายในคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยกรมธรรม์ประกันภัยสําหรับคอนโดให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในคอนโดมิเนียมอันมีสาเหตุจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยเนื่องจากน้ํา ภัยจากลมพายุลูกเห็บ หรือน้ําท่วม รวมถึงคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดเหตุภายในคอนโดมิเนียม และกรณีความเสียหายจากการถูกโจรกรรมที่มีวงเงิน ความคุ้มครองตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท เพื่อเพิ่มความสบายใจให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังครอบคลุมถึงความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก เช่น กรณีน้ํารั่วซึมไปยังห้องอื่นๆ จนเกิดความเสียหาย ฯลฯ โดยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,290 บาท


“แคร์คุณทุกย่างก้าว” ด้วยการให้บริการที่ใส่ใจ


กรุงเทพประกันภัยมุ่งพัฒนานวัตกรรมการบริการที่เหนือความคาดหวัง สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย รวมทั้งดูแลเอาใจใส่ในทุกความต้องการของลูกค้า

 

  • ระบบติดตามสถานะการดําเนินงาน (Progress Tracking)


ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดี รวดเร็ว และเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น บริษัทฯอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบติดตามสถานะการดําเนินงาน (Progress Tracking) เพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าให้สามารถตรวจสอบสถานะในขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะครอบคลุมทั้งงานด้านรับประกันภัย การชําระเบี้ยประกันภัย และงานสินไหมทดแทน เช่น ตรวจสอบสถานะผลการตรวจสภาพรถยนต์ ขั้นตอนการจัดส่งกรมธรรม์ประกันภัย การชําระเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงการตรวจสอบสถานะการเคลมสินไหมทดแทนว่าอยู่ในขั้นตอนใด เช่น การรับเอกสารการเคลม การตรวจสอบเอกสารการเคลม การประเมินราคา การจัดซ่อม การส่งมอบรถ การอนุมัติค่าสินไหมทดแทน และการโอนค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะด้านสินไหมทดแทนยานยนต์ (Motor Claims) ได้โดยผ่านช่องทาง LINE @bangkokinsurance และลําดับถัดไปจะขยายช่องทางการให้บริการผ่าน Mobile Application และเพิ่มเติมบริการให้ครอบคลุมงานด้านรับประกันภัย งานสินไหมทดแทนทั่วไป (Non-Motor Claims) และทางด้านการเงิน ทั้งนี้ สําหรับตัวแทนและนายหน้าซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ สามารถตรวจสอบสถานะดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทาง Web Partner


เพิ่มศักยภาพเทคโนโลยี ก้าวทันโลกดิจิทัล


กรุงเทพประกันภัยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อต่อยอดสู่ความเป็นเลิศในการให้บริการ ที่ก้าวทันกับความต้องการตามเทรนด์ของลูกค้ายุคใหม่

 

  • Al Outbound Voice Chatbot


จากความใส่ใจและคํานึงถึงลูกค้าในทุกๆ ด้าน นํามาสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯได้นําเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: Al) มาใช้ในการแจ้งเตือนการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ลูกค้าทางโทรศัพท์ โดยระบบดังกล่าวจะสื่อสารกับลูกค้าด้วยน้ําเสียงเสมือนจริง ที่มากับความพร้อมในการตอบคําถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยของลูกค้า รวมถึงช่องทางการชําระเงินหรือเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ การนําเทคโนโลยี AI มาช่วยในเรื่องดังกล่าว นอกจากจะช่วยอํานวยความสะดวกในการต่ออายุเพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครอง อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังส่งเสริมให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพในการทํางานจากการที่ AI สามารถจัดสรรงานให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลลูกค้าที่ต้องการรับบริการด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

 

  • Cognitive Customer Portal


ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วและฉับไว พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า บริษัทฯจึงได้นํา AI มาประยุกต์ใช้เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากการติดต่อของลูกค้าในช่องทางต่างๆ ทั้งทางโทรศัพท์และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยจะนําข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าและประมวลผลออกมาเป็นประเภทหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น การติดตามงานด้านรับประกันภัย งานด้านสินไหมทดแทน การชําระเงิน ข้อเสนอแนะเชิงบวกและเชิงลบ ตลอดจนข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งระบบ Cognitive Customer Portal จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านพฤติกรรมและประสบการณ์การใช้งาน นอกจากนี้ ยังสามารถเรียกดูข้อมูลเชิงสถิติในรูปแบบ Dashboard เพื่อการติดตามผลสรุปปัญหาต่างๆ ที่ ต้องนํามาปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าต่อไป
 

BKIH การเปลี่ยนแปลงกับโอกาสครั้งสําคัญ
 

กรุงเทพประกันภัยเดินหน้าเข้าสู่ก้าวใหม่ หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ผ่านการจัดตั้งบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) หรือ BKIH เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สํานักงาน ก.ล.ต.) ให้มีการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) โดยบริษัทฯได้กําหนดระยะเวลาในการแลกเปลี่ยนหุ้น “BKI” เป็นหุ้น "BKIH" ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 มิถุนายน 2567 รวมทั้งสิ้น 45 วันทําการ จากนั้นจะนําหุ้น BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยแทนที่หุ้นของกรุงเทพประกันภัย ประมาณช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2567 โดยถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสําคัญในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีศักยภาพต่อยอดสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
 

ธุรกิจประกันภัยที่ร่วมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 

บริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมควบคู่กับการสร้างการเติบโตด้วยผลการดําเนินงานที่ดี เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นที่สุดในใจลูกค้า” ด้วยผลิตภัณฑ์บริการ และกระบวนการดําเนินธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าโดยยึดมั่น ในแนวทางการดําเนินธุรกิจที่คํานึงถึงหลักธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการกําหนดกลยุทธ์ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ ให้ดําเนินไปอย่างสอดคล้องและเกื้อหนุนกัน อาทิ งานด้านการรับประกันภัยและงานด้านสินไหมทดแทนที่มีส่วนในการส่งเสริมให้ผู้เอาประกันภัยคํานึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เช่น การออกกรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Green Guarantee การเพิ่ม ทางเลือกให้ลูกค้าบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลแทนการรับของสมนาคุณ กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยสุขภาพที่หักค่าเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่งให้แก่องค์กรการกุศล รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจรายย่อยให้มีสภาพคล่องในการดําเนินธุรกิจผ่านการขยายระยะเวลาการชําระเบี้ยประกันภัยของลูกค้า SMEs จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมกระบวนการดําเนินธุรกิจต่างๆ ภายในบริษัทฯ ให้มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ


ในปี 2567 นี้ นับเป็นอีกปีแห่งโอกาสครั้งสําคัญที่จะต่อยอดความสําเร็จ พร้อมขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงกับสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และความท้าทายของโลกยุคใหม่ ผ่านการฟื้นฟูยกระดับการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าให้องค์กรเติบโตแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อมุ่งสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป